"ทำไมเสียงที่บ้านสู้เสียงที่เธค ไม่ได้ "

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

ผมกับคุณวิน้นท์ วงศ์เอนกอนันต์  เพื่อนเรียนที่ KMIT ลาดกระบังด้วยก้น จบแล้ว คุณวิน้นท์ รับติดตั้งระบบเสียง ทั้ง PA. ,  Studio อัดเสียง, ดิสโก้เธค มาทั่วประเทศ นับสิบๆ ทั้งใหญ่มาก ใหญ่กลาง  และโรงหนัง  ซึ่งแกก็จะลากผมไปผจญภัยด้วยกัน กลับบ้าน ตี1, ตี2 ไปปรับ จูนเสียง กันสดๆเลย
  แย่หน่อยตรงที่พอผมกลับมาถึงบ้าน เปิดเครื่องเสียงฟังไม่ได้เลย มันจืด ป้อแป้  กระป๋องไปหมด ต้องปรับสภาพหู 2-3 วันนั่นแหละจึงจะกลับมาฟังได้อีก   เลยเกิดคำถามว่า เราควรอ้างอิงเสียงแบบเธค หรือแบบ โฺฮมไฮไฟดี

จริงๆ แล้ว เสียงจากเธค ล้วนเป็นเสียง "เกินจริง" ที่ได้จากพลังขับจากเพาเวอร์แอมป์นับพันๆวัตต์  กับลำโพงนับสิบๆตัว  ดอกเสียงทุ้มซับวูฟเฟอร์ขนาด 15 นิ้วเป็นโหล ตู้ซับรวมๆกันแล้ว ใหญ่ขนาดรถตู้เกือบ2 คัน แถมด้วยการใช้เครื่องแต่งเสียง EQUALIZER ที่ยกสุ้มเสียงให้ดุเด็ดเผ็ดมัน มากเกินที่เขาบันทึกเสียอีก แบบนี้ ทุกสุ้มเสียงต่างถูกโยน ออกมากระแทกใส่เราแบบไม่ยั้ง  ยิ่งกว่าไปดูวงแสดงสดเสียอีก ด้วยสเกลของเสียงที่มหึมาเกินจริง ขนาดขากางเกงไหว อกสะท้าน  ฟังนานๆผมถึงกับเมาเสียง ด้วยความดังระดับไม่น่าจะต่ำกว่า 90-100 dB  แช่อยู่เกือบตลอดเวลา มันไม่มีชุดเครื่องเสียงบ้านที่ไหนจะให้ได้ขนาดนั้นแน่ และก็เปิดดังขนาดสะท้านไปทั้งหมู่บ้านแบบนั้นไม่ได้ด้วย ถ้าไม่ถูกเพื่อนบ้านมายิงกระบาลเสียก่อน 

ดังนั้น จึงไม่ควรเอา 2 เงื่อนไขด้วยจุดประสงค์ของการฟังที่ต่างกัน  นำมาเปรียบเทียบกัน

กรณีฟังแบบเธค  เอาขนาดสะท้านอก มันส์ลูกเดียว ส่วนกรณีฟังแบบไฮไฟ เอาความละเมียด สมจริง เหมือนมีคนมาร้อง มาเล่น อยู่ต่อหน้า กำหนดตำแหน่งที่ทางเสียงได้เปะๆ อย่างได้อารมณ์ รายละเอียดบรรยากาศเหมือนไปฟังการแสดงสด  เอาความดื่มด่ำ อารมณ์เพลงล้วนๆ
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องแยกจุดประสงค์ออกจากกัน  เอามาเทียบเคียงกันไม่ได้

แต่ถ้าใครอยากฟังให้เต็มหู มาครบ ไม่ต้องลงทุนชุดเธคเป็นล้านๆ เปิดดังหน่อยก็ไม่หนวกหูกวนประสาทใคร  อย่างนี้ก็แนะนำว่า ซื้อหูฟัง in-ear ยี่ห้อ Three Friends ( 3,900 บาท ลดแล้ว) มาฟังเพลงจาก
YouTube จากโทรมือถือ  แล้วคุณจะวางไม่ลง !
( อ่านทดสอบหูฟังนี้ได้ในเวบนี้ )